ตามที่เราได้เห็นในสังคมปัจจุบันนั้นคนรุ่นใหม่หันมาใช้รถส่วนตัวกันเพิ่มมากขึ้น อาจจะมีสาเหตุหลายปัจจัยที่ส่งผลให้คนรุ่นใหม่หันมาซื้อรถยนต์ส่วนตัวใช้กันเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการโดยสารรถสาธารณะในบ้านเรานั้นมีความยุ่งยาก ช้าบ้างทำให้เสียเวลา หรือบางคนซื้อรถเพราะความสะดวกสบายสามารถไปไหนได้ตามใจตัวเองซึ่งแน่นอนละว่าการมีรถยนต์ส่วนตัวนั้นทำให้เราสามารถคล่องตัวมากขึ้นสามารถไปในสถานที่ที่เราต้องการได้ทุกเวลาตามใจเราปรารถนา โดยในการซื้อรถยนต์แต่ละครั้งนั้นก็มีต้นทุนพอสมควรไม่ว่าจะเป็นค่ารถ ค่าอุปกรณ์ตกแต่งรวมไปถึงค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ซึ่งการที่เรามีรถคันใหม่สักหนึ่งคันนั้นแน่นอนว่าเราต้องมีการทำประกันภัยรถยนต์เป็นแน่ๆ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าเราทำประกันภัยรถยนต์ไปทำไมกัน เราไม่ทำก็ได้นะแต่ทำไมเราถึงเลือกที่จะทำ วันนี้จะมาอธิบายเหตุผลว่าทำไมคนส่วนใหญ่เลือกที่จะทำประกันภัยรถยนต์กัน

รวมเหตุและผลที่ทำไมเราถึงต้องทำประกันรถยนต์ติดตัวรถยนต์ไม่ให้ขาด

• เหตุและผลที่ทำไมเราถึงต้องทำประกันรถยนต์ คือ การทำประกันถือเป็นการคุ้มครองทรัพย์สินของเรานั่นก็คือรถยนต์ การทำประกันเปรียบเสมือนว่าเราซี่งเป็นเจ้าของรถนั้นได้ถ่ายโอนความเสี่ยงที่จะเกิดกับรถให้กับบริษัทประกัน ซึ่งเปรียบเสมือนผู้ที่รับความเสี่ยงจากเหตุการณ์กรณีใด ๆ ก็ตามที่จะทำให้รถของเราเสียหาย เช่นหากรถถูกชน บริษัทประกันก็จะเข้ามาเคลียร์ค่าเสียหายทั้งกับทางเราและทางคู่กรณีของเราด้วยเช่นกัน ซึ่งการทำประกันนั้นถือเป็นการช่วยคุ้มครองและปกป้องรถของเราได้ดี
• เหตุและผลที่ทำไมเราถึงต้องทำประกันรถยนต์ คือ การทำประกันภัยรถยนต์ทำให้เรามีความระมัดระวังในการใช้รถมากขึ้น เนื่องจากว่าการทำประกันภัยรถยนต์ช่วยคุ้มครองในความเสียหายที่อาจจะเกิดกับรถเราให้แล้วนั้น แน่นอนว่าหากเกิดความเสียหายขึ้นบริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น แต่หากว่าในปีต่อ ๆ ไป เราจะต้องเสียค่าเบี้ยประกันที่เพิ่มมากขึ้น คนส่วนใหญ่จึงมักจะขับรถกันแบบระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นนั่นเอง 

และเหตุและผลที่ทำไมเราถึงต้องทำประกันรถยนต์ ข้อสุดท้ายคือ คุ้มค่ากับการจ่ายค่าเบี้ยประกัน เพราะในหารทำประกันรถนั้นค่าเบี้ยหลักพันขึ้นไป แล้วแต่ประเภทรถแต่ความคุ้มครองมีมากกว่า อย่างเช่นเราทำประกันเบี้ย 15,000 บาท แต่หากเรานำรถไปชนแล้วค่าซ่อมรถ 60,000 บาท แน่นอนว่าการทำประกันมันคุ้มค่ากว่ามากนั่นเอง